วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ปฐมบท ... รำไทย



ปฐมบท ... รำไทย

เท่าที่พอจะจำความได้ เริ่มต้นขึ้นในชั้นประถมศึกษา จำไม่ได้แล้วว่าประถมไหน แต่ที่ยังจำได้แม่น เพลงแรกที่รำคือ รำอธิษฐาน ไปยังไงมายังไงก็ไม่รู้อีก จำได้แต่เพียงว่า กลับมาบ้านเย็นวันนึง ยกไม้ยกมือทำท่ารำให้คุณแม่ดู พร้อมกับร้องเพลงอธิษฐานไปด้วย แล้วเช้าของอีกวันนึง ก็แต่งชุดไทย แต่งหน้าทาปาก เกล้าผมจุก ไปรำอยู่ต่อหน้าเสาธงของโรงเรียน เคยมีหลักฐานปรากฏเป็นภาพถ่าย ซึ่งเสียหายไปเรียบร้อยจากเหตุการณ์น้ำท่วมบ้าน

อีกสิ่งที่ยังจำฝังใจ ก็คือการยกมือขึ้นทำท่ารำ หรือที่เรียกว่า "ตั้งวง" หากเทียบกับการตั้งวงที่ถูกต้องตามหลักนาฏศิลป์ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากครูบาอาจารย์หลายๆ ท่าน และทุกวันนี้ก็ยังได้นำมาถ่ายทอดแก่ลูกศิษย์เล็กๆ อีกหลายคน "ตั้งวง" ของครูรำไทย สมัยยังเป็นเด็กประถม นอกจากไม่สวยงามแล้ว ยังผิดรูปผิดแบบอย่างที่สุด เท่าที่มือของเด็กคนนึงจะทำได้ แต่ในที่สุดเด็กประถมคนนั้น ก็มีโอกาสได้เรียนรู้อย่างแท้จริง ว่า "ตั้งวง" อย่างไร จึงจะสวยงามและถูกต้องตามแบบนาฏศิลป์ไทย

สิ่งที่นำมาใช้เมื่อสอนลูกศิษย์ ขั้นแรกคือการให้อิสระ เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ทำท่า "ตั้งวง" ตามแต่เจ้าตัวจะจินตนาการ คุณครูเพียงแนะนำให้เด็กใช้ความคิด ประกอบกับใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย แสดงท่า "ตั้งวง" ตามโจทย์ที่ได้รับ เด็กส่วนใหญ่ก็จะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่รู้สึกว่าโดนบังคับให้มาเข้าห้องเรียน "รำไทย" จากนั้นเด็กๆ ทุกคนก็จะได้แลกเปลี่ยนท่าทางและจินตนาการกับเพื่อนๆ สร้างบรรยากาศสนุกสนานในห้องเรียนได้อีก สำหรับคุณครูไม่ว่าเด็กๆ จะ "ตั้งวง" อย่างไร ไม่มีการตัดสินว่าถูกหรือผิด เพราะท้ายที่สุด เด็กๆ ทุกคนก็ต้องฝึกหัด "ตั้งวง" ให้ได้สวยงามตามแบบอย่างที่ถูกต้อง

"ตั้งวง"

เริ่มต้นด้วยการยกมือขึ้นตั้ง ให้ปลายนิ้วทั้งสี่ชี้ขึ้นไปด้านบน ส่วนนิ้วโป้งพับงอเข้ามาหาฝ่ามือเล็กน้อย หนีบนิ้วทั้งสี่ให้เรียงชิดติดกัน พร้อมทั้งหักข้อมือเข้าหาลำตัวจนสุด

ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงทฤษฎี ซึ่งในทางปฏิบัติ คุณครูก็อดไม่ได้ ที่จะขอดัดแปลงแต่งเสริมเติมความสนุกสนาน เพื่อให้เด็กจดจำ และสนุกกับการทำตามอย่าง จนลืมเมื่อยไปเลยก็มี เช่น
- นิ้วโป้ง เป็นพี่ใหญ่ ต้องอยู่หน้าน้องๆ อีก 4 นิ้ว ดังนั้น จึงต้องงอนิ้วโป้งไปข้างหน้า
- นิ้ว 4 นิ้ว ต้องรักและสามัคคีกัน โดยเรียงชิดติดกันเสมอ หากมีนิ้วหนึ่งนิ้วใด แยกตัวออกห่างจากเพื่อนๆ นิ้วอื่นๆ ที่เหลือต้องรีบตามง้อให้นิ้วกลับมาเรียงชิดติดกันทันที
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ ก็เพื่อกระตุ้นให้เด็กๆ จดจำ ว่าการตั้งวงที่สวยงามนั้นทำอย่างไร

บางครั้งขณะที่พูดออกไป ก็อดคิดไม่ได้ว่า คุณครูผู้ใหญ่ท่านจะว่าอย่างไร หากผ่านมาได้ยิน ...
"ขอโทษค่ะ คุณครู ... วิธีถ่ายทอดอาจจะแหวกแนวไปนิด แต่ผลลัพธ์ออกมาสวยงามตามแบบแผน
ถึงอย่างไรหนูก็ตั้งใจดีนะคะ"

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มาจะกล่าวบทไป ...

บทร้องละครรำ มักจะเริ่มต้นด้วยวลีนี้ เป็นการแนะนำตัวละคร ก่อนที่จะดำเนินบทบาทต่างๆ ไปตามท้องเรื่อง นับว่าเหมาะสมทีเดียว กับการเริ่มต้นบทความชิ้นแรกนี้ งานเขียนบนสื่ออินเทอร์เน็ต ของครูคนนึง ที่ขอเรียกตัวเองว่า "ครูรำไทย"
มาจะกล่าวบทไป ... ครูรำไทยคนนี้ ขอเรียกตัวเองว่า "ครู" อย่างเต็มภาคภูมิ เพราะถึงวันนี้สอนรำไทยมาแล้วกว่า 19 ปี ตอนเป็นเด็กก็อยากเป็นหมอ โตขึ้นมาอีกนิดก็อยากเรียนหนังสือไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีอะไรให้เรียน ไม่เคยมีความคิดอยากเป็นครู จนถึงวันนึงเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ไม่เคยนึกฝัน ว่าการฝึกงานเพื่อให้ครบหลักสูตรของสาขาวิชาเรียน จะกลายเป็น "งานอดิเรก" และ "อาชีพ" ที่ยังคงทำต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้
เมื่อหลายปีก่อน มักบอกใครๆ ว่า ทำงานอดิเรก สอนรำไทย เสาร์-อาทิตย์ ขณะที่วันจันทร์-ศุกร์ ก็ทำงานประจำเป็นสาวออฟฟิสทั่วไป เกือบทุกคนที่ได้ฟัง ก็จะทำตาโต เมื่อรู้ว่าเรียนจบนาฏศิลป์ เพราะทุกออฟฟิสที่ทำงานมา ไม่ได้ใช้วุฒิการศึกษานี้ ประกอบการสมัครงานเลย ทำให้เกิดความภูมิใจกับตัวเองลึกๆ ที่มีโอกาสนำวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาหลายปี มาใช้ในการ "ทำงานอดิเรก" ซึ่งหลายๆ ครั้ง ให้ความสุข และความสนุก มากกว่า "งานประจำ" เสียอีก
มาจะกล่าวบทไป ... บทเริ่มต้นของ "ครูรำไทย" ก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยประการฉะนี้